พระมเหสีเมียงซองทรงเป็นพระมเหสีที่ทรงอัจฉริยภาพ ด้านการปกครองของประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของเกาหลี ทรงครองอำนาจเป็นเวลายาวนานถึงสามสิบปีจนกระทั่งแผ่นดินโชซอน ล่มสลาย
The Last Empress เมียงซอง จักรพรรดินีที่โลกลืม
Broadcast network KBS2 2001-May-09 to 2002-Jul-18 Wednesday & Thursday 21:50
Genre: Historical
Episodes: 124
Director: Yoon Chang Bum , Shin Chang Suk
Screenwriter: Jung Ha Yun
นักแสดง
Choi Myung Gil as Empress Myung Sung (Ep 82-124)
Lee Mi Yeon as Empress Myung Sung (Ep 1 , 10-81)
Moon Geun Young as Min Ja Yeong (young Empress Myeongseong , Ep 2-10)
Lee Jin Woo as Emperor Gojong
Lee In as young Gojong
Yoo Dong Geun as Heungseon Daewongun
Jung Sun Kyung as Lady Yeongbodang
Sun Woo Eun Sook as Lady Kamgodang (Ja Yeong s mother Min Chi Rok s wife)
Lee Duk Hee as Queen Min (Heungseon Daewongun s wife King Gojong s mother)
Kim Yong Rim as Grand Royal Dowager Queen Jo
Lee Young Hoo as Lee Choi Eung / Prince Heungin
Eom Yoo Shin as Prince Heungin s wife
Park Young Ji as Kim Byung Hak
Kim Hyo Won as Min Seung Ho
Kim Joo Young as Lee Kyung Ha
Yoo Hye Young as the Queen Mother
Kim Jung Ha as the Royal Dowager Queen
Kim Sang Soon as Jo Doo Soon
Song Jae Ho as Kim Jwa Geun
ละครชุดทางโทรทัศน์ซึ่งผลิตเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยสถานีโทรทัศน์ KBSเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์เกาหลี ว่าด้วยพระประวัติสมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง สมเด็จพระมเหสีเอกในสมเด็จพระจักรพรรดิโกจง พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซอน
ละครชุดนี้ออกอากาศเป็นครั้งแรกในสาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 จำนวนทั้งสิ้น 124 ตอน ต่อมาบริษัท ทีวีบี-ทรี เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดซื้อลิขลิทธิ์สำหรับแพร่ภาพในประเทศไทย เพื่อนำเสนอฉายทุกวันทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยแบ่งเป็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 02:15-03:25 น. และวันเสาร์กับวันอาทิตย์ ในเวลา 01:45-04:00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555
สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง ในสมเด็จพระจักรพรรดิโกจงแห่งราชวงศ์โชซอน ทรงมีพระนามเดิมว่ามิน จา-ยอง ซึ่งประสูติในครอบครัวสามัญชนที่จังหวัดคยองกี ขณะเดียวกัน เมื่อพระราชพิธีพระบรมศพของพระเจ้าชอลจงเสร็จสิ้นลง พระพันปีโช พระสนมในพระเจ้าชอลจง ที่ขณะนั้นเป็นผู้ปกครองสูงสุดของฝ่ายใน มีดำริให้จัดหาพระมเหสีเอก เพื่อประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระเจ้าโกจง (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) ซึ่งพระชายามินแห่งยอฮึงในแทวอนกุน พระมารดาในพระเจ้าโกจง เสนอชื่อมิน จา-ยอง เพื่อการนี้ เนื่องจากเป็นญาติห่างๆ ของพระนางเอง โดยพระพันปีโชก็เห็นชอบด้วย ต่อมาจึงมีพระบรมราชโองการ ประกาศให้พระมเหสีทรงพระนามว่าเมียงซอง
ระยะแรกนั้น พระมเหสีเมียงซอง (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงสนพระทัยแต่เพียงการให้กำเนิดรัชทายาทถวายพระเจ้าโกจงเท่านั้น ทว่าพระพลานามัยของพระนางกลับไม่ทรงแข็งแรงนัก จึงต้องสูญเสียพระโอรสถึงสองพระองค์ในเวลาไม่นาน ส่งผลให้แทวอนกุนซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะนั้น ไม่พอพระทัยในพระนางอย่างยิ่ง ถึงกับสั่งการให้กักตัวพระนางไว้ในพระตำหนักที่ประทับ มิให้เข้าเฝ้าฯพระเจ้าโกจงอีก (ภายหลังพระมเหสีเมียงซอง ก็ให้กำเนิดพระโอรสเป็นผลสำเร็จ ทรงพระนามว่าองค์ชายลีชอก ซึ่งต่อมาขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง) หลังจากนั้นแทวอนกุนก็สนับสนุนลีซังกุง ซึ่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้าโกจงมาตั้งแต่ก่อนราชาภิเษกสมรส ให้ขึ้นเป็นพระสนมลีแห่งยองโพ และมีพระโอรสทรงพระนามว่าองค์ชายฮวอนฮา
แทวอนกุนจึงรีบแต่งตั้งให้องค์ชายฮวอนฮาเป็นรัชทายาทโดยทันที และยังมีแผนการจะผลักดันให้พระสนมลี ขึ้นเป็นพระมเหสีองค์ใหม่ด้วย ทว่าพระมเหสีเมียงซองทรงเรียกประชุม ขุนนางสกุลมินแห่งยอฮึง และขุนนางผู้ใกล้ชิดพระองค์ เพื่อยื่นฎีกาต่อ พระเจ้าโกจงผ่านสภาปกครอง แจ้งว่าแทวอนกุนซ่องสุมกำลังคนเพื่อล้มล้างพระเจ้าโกจง และสถาปนารัชทายาทขึ้นสืบราชบัลลังก์แทน ซึ่งนับเป็นข้อหาร้ายแรงโทษถึงประหารชีวิต แต่เนื่องจากเห็นแก่ความเป็นพระบิดา พระเจ้าโกจงจึงตัดสินลงโทษเพียงเนรเทศ ออกจากพระราชวังคยองบกกุง ไปยังพระตำหนักมุนยอนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าโกจง แทวอนกุนเข้าใจสถานการณ์ของบ้านเมืองมากขึ้น จึงปรับความเข้าใจกับสะใภ้ของตนเป็นผลสำเร็จ
ระหว่างที่ทรงถูกแทวอนกุนกักตัวไว้ในพระตำหนัก พระมเหสีเมียงซองใช้เวลาเหล่านั้น ทรงศึกษาหนังสือตำราต่างๆ เป็นอันมาก จนกระทั่งทรงพระปรีชาสามารถอย่างสูง ในทางการเมืองการปกครอง การต่างประเทศ การศึกษา และการสาธารณสุขสมัยใหม่ เมื่อพระเจ้าโกจงทรงเนรเทศพระบิดาออกจากพระราชวังแล้ว พระนางจึงเข้าช่วยบริหารราชกิจอยู่หลังฉากมู่ลี่ เช่นที่พระพันปีโชเคยปฏิบัติในช่วงต้นรัชกาล โดยในบางกรณีก็ทรงว่าราชกิจด้วยพระองค์เองทีเดียว นอกจากนี้ พระนางยังทรงเจริญสัมพันธไมตรี กับหลายประเทศแถบตะวันตกเช่น จักรวรรดิรัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เป็นต้น เพื่อเปิดรับรูปแบบการปกครอง ศิลปวัฒนธรรม และวิทยาการสมัยใหม่เข้าสู่โชซอน และเพื่อขอความช่วยเหลือทางทหาร ในกรณีที่เกิดอันตราย
ฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งรบชนะจักรวรรดิชิง เจ้าอาณานิคมเดิมของโชซอน ก็ต้องการอาณาจักรนี้เป็นเมืองขึ้นเช่นกัน ขณะที่พระมเหสีเมียงซองกำลังปฏิรูปการเมืองสมัยใหม่ เพื่อให้ราชอาณาจักรโชซอนเป็นชาติเอกราชอย่างแท้จริง พระนางจึงถือเป็นเสี้ยนหนามที่สำคัญของญี่ปุ่น จึงส่งมือสังหารไปลอบปลงพระชนม์พระนางเสีย หลังจากนั้นรัสเซียก็เข้าอารักขาราชวงศ์โชซอน เพื่อคานอำนาจไม่ให้ญี่ปุ่นขยายอิทธิพลจนเกินไป และยังช่วยเหลือให้ยกสถานะโชซอนขึ้นเป็นจักรวรรดิเกาหลี แต่ต่อมาไม่กี่ปี กองทัพญี่ปุ่นก็ชนะกองทหารของรัสเซีย เกาหลีจึงต้องยอมอยู่ในอารักขาของญี่ปุ่น และอีกไม่นานหลังจากนั้น ญี่ปุ่นก็ล้มล้างสถาบันจักรพรรดิของเกาหลีลง ส่วนดินแดนกลายเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของญี่ปุ่นเท่านั้น
เมียงซอง จักรพรรดินีที่โลกลืม (ฮันกึล: 명성황후; ฮันจา: 明成皇后; อังกฤษ: Empress Myeongseong; The last (Korean) Empress) เป็นละครชุดทางโทรทัศน์ซึ่งผลิตเมื่อ พ.ศ. 2544 โดยสถานีโทรทัศน์ระบบกระจายเสียงแพร่ภาพแห่งสาธารณรัฐเกาหลี (ฮันกึล: 한국 방송 공사, Hanguk Bangsong Gongsa; อังกฤษ: Korean Broadcasting System; ชื่อย่อ: KBS; เคบีเอส) มีเนื้อหาอิงประวัติศาสตร์เกาหลี ว่าด้วยพระประวัติสมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง สมเด็จพระมเหสีเอกในสมเด็จพระจักรพรรดิโกจง พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์โชซอน
ละครชุดนี้ออกอากาศเป็นครั้งแรกในสาธารณรัฐเกาหลี ทางเคบีเอสทีวีช่อง 2 ในทุกวันพุธและวันพฤหัสบดี เวลา 21:50-22:55 น. ระหว่างวันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2544 ถึงวันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2545 จำนวนทั้งสิ้น 124 ตอน ต่อมาบริษัท ทีวีบี-ทรี เน็ตเวิร์ก จำกัด จัดซื้อลิขลิทธิ์สำหรับแพร่ภาพในประเทศไทย เพื่อนำเสนอฉายทุกวันทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 โดยแบ่งเป็นวันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 02:15-03:25 น. และวันเสาร์กับวันอาทิตย์ ในเวลา 01:45-04:00 น. โดยเริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2555 (เข้าสู่วันใหม่ ศุกร์ที่ 27 มกราคม) จนถึงปัจจุบัน
สมเด็จพระจักรพรรดินีเมียงซอง ในสมเด็จพระจักรพรรดิโกจงแห่งราชวงศ์โชซอน ทรงมีพระนามเดิมว่ามิน จา-ยอง ซึ่งประสูติในครอบครัวสามัญชนที่จังหวัดคยองกี ขณะเดียวกัน เมื่อพระราชพิธีพระบรมศพของพระเจ้าชอลจงเสร็จ สิ้นลง พระพันปีโช พระสนมในพระเจ้าชอลจง ที่ขณะนั้นเป็นผู้ปกครองสูงสุดของฝ่ายใน มีดำริให้จัดหาพระมเหสีเอก เพื่อประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับพระเจ้าโกจง (พระราชอิสริยยศในขณะนั้น) ซึ่งพระชายามินแห่งยอฮึงในแทวอนกุน พระมารดาในพระเจ้าโกจง เสนอชื่อมิน จา-ยอง เพื่อการนี้ เนื่องจากเป็นญาติห่างๆ ของพระนางเอง โดยพระพันปีโชก็เห็นชอบด้วย ต่อมาจึงมีพระบรมราชโองการ ประกาศให้พระมเหสีทรงพระนามว่าเมียงซอง
ระยะแรกนั้น พระมเหสีเมียงซอง (พระอิสริยยศในขณะนั้น) ทรงสนพระทัยแต่เพียงการให้กำเนิดรัชทายาทถวายพระเจ้าโกจงเท่านั้น ทว่าพระพลานามัยของพระนางกลับไม่ทรงแข็งแรงนัก จึงต้องสูญเสียพระโอรสถึงสองพระองค์ในเวลาไม่นาน ส่งผลให้แทวอนกุนซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ขณะนั้น ไม่พอพระทัยในพระนางอย่างยิ่ง ถึงกับสั่งการให้กักตัวพระนางไว้ในพระตำหนักที่ประทับ มิให้เข้าเฝ้าฯพระเจ้าโกจงอีก (ภายหลังพระมเหสีเมียงซอง ก็ให้กำเนิดพระโอรสเป็นผลสำเร็จ ทรงพระนามว่าองค์ชายลีชอก ซึ่งต่อมาขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิซุนจง) หลังจากนั้นแทวอนกุนก็สนับสนุนลีซังกุง ซึ่งมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับพระเจ้าโกจงมาตั้งแต่ก่อนราชาภิเษกสมรส ให้ขึ้นเป็นพระสนมลีแห่งยองโพ และมีพระโอรสทรงพระนามว่าองค์ชายฮวอนฮา
แทวอนกุนจึงรีบแต่งตั้งให้องค์ชายฮวอนฮาเป็นรัชทายาทโดยทันที และยังมีแผนการจะผลักดันให้พระสนมลี ขึ้นเป็นพระมเหสีองค์ใหม่ด้วย ทว่าพระมเหสีเมียงซองทรงเรียกประชุม ขุนนางสกุลมินแห่งยอฮึง และขุนนางผู้ใกล้ชิดพระองค์ เพื่อยื่นฎีกาต่อ พระเจ้าโกจงผ่านสภาปกครอง แจ้งว่าแทวอนกุนซ่องสุมกำลังคนเพื่อล้มล้างพระเจ้าโกจง และสถาปนารัชทายาทขึ้นสืบราชบัลลังก์แทน ซึ่งนับเป็นข้อหาร้ายแรงโทษถึงประหารชีวิต แต่เนื่องจากเห็นแก่ความเป็นพระบิดา พระเจ้าโกจงจึงตัดสินลงโทษเพียงเนรเทศ ออกจากพระราชวังคยองบกกุง ไปยังพระตำหนักมุนยอนซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก ต่อมาในช่วงปลายรัชกาลพระเจ้าโกจง แทวอนกุนเข้าใจสถานการณ์ของบ้านเมืองมากขึ้น จึงปรับความเข้าใจกับสะใภ้ของตนเป็นผลสำเร็จ
ระหว่างที่ทรงถูกแทวอนกุนกักตัวไว้ในพระตำหนัก พระมเหสีเมียงซองใช้เวลาเหล่านั้น ทรงศึกษาหนังสือตำราต่างๆ เป็นอันมาก จนกระทั่งทรงพระปรีชาสามารถอย่างสูง ในทางการเมืองการปกครอง การต่างประเทศ การศึกษา และการสาธารณสุขสมัยใหม่ เมื่อพระเจ้าโกจงทรงเนรเทศพระบิดาออกจากพระราชวังแล้ว พระนางจึงเข้าช่วยบริหารราชกิจอยู่หลังฉากมู่ลี่ เช่นที่พระพันปีโชเคยปฏิบัติในช่วงต้นรัชกาล โดยในบางกรณีก็ทรงว่าราชกิจด้วยพระองค์เองทีเดียว นอกจากนี้ พระนางยังทรงเจริญสัมพันธไมตรี กับหลายประเทศแถบตะวันตกเช่น จักรวรรดิรัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมนี เป็นต้น เพื่อเปิดรับรูปแบบการปกครอง ศิลปวัฒนธรรม และวิทยาการสมัยใหม่เข้าสู่โชซอน และเพื่อขอความช่วยเหลือทางทหาร ในกรณีที่เกิดอันตราย
ฝ่ายจักรวรรดิญี่ปุ่นซึ่งรบชนะจักรวรรดิชิง เจ้าอาณานิคมเดิมของโชซอน ก็ต้องการอาณาจักรนี้เป็นเมืองขึ้นเช่นกัน ขณะที่พระมเหสีเมียงซองกำลังปฏิรูปการเมืองสมัยใหม่ เพื่อให้ราชอาณาจักรโชซอนเป็นชาติเอกราชอย่างแท้จริง พระนางจึงถือเป็นเสี้ยนหนามที่สำคัญของญี่ปุ่น จึงส่งมือสังหารไปลอบปลงพระชนม์พระนางเสีย หลังจากนั้นรัสเซียก็เข้าอารักขาราชวงศ์โชซอน เพื่อคานอำนาจไม่ให้ญี่ปุ่นขยายอิทธิพลจนเกินไป และยังช่วยเหลือให้ยกสถานะโชซอนขึ้นเป็นจักรวรรดิเกาหลี แต่ต่อมาไม่กี่ปี กองทัพญี่ปุ่นก็ชนะกองทหารของรัสเซีย เกาหลีจึงต้องยอมอยู่ในอารักขาของญี่ปุ่น และอีกไม่นานหลังจากนั้น ญี่ปุ่นก็ล้มล้างสถาบันจักรพรรดิของเกาหลีลง ส่วนดินแดนกลายเป็นเพียงมณฑลหนึ่งของญี่ปุ่นเท่านั้น[1]